หลวงพ่อทรัพย์พรหมปัญญาเกิดเมื่อปีพ.ศ.2421ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
บิดาชื่อนายแจ้ง มารดาชื่อนางอินทร์ มีพี่น้องร่วมบิดา3คน คือ คนที่1นายทรัพย์คนที่2นายสินคนที่3นางแสง
จากคำบอกเล่ากล่าวกันว่า ครอบครัวของหลวงพ่อทรัพย์ได้อพยพกันมาจากบ้านล่าง(คนภาคเหนือเรียกคนภาคกลางหรือจังหวัดที่อยู่ใต้บ้านตัวเองว่าบ้านล่าง) บางท่านว่ามาจากจังหวัดอ่างทองบ้างและจังหวัดอยุธยาบ้าง โดยอพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านกำแพงดิน จังหวัดพิจิตรก่อน (คาดว่าอาศัยการเดินทางโดยทางเรือซึ่งสมัยนั้นใช้เดินทางทางน้ำสะดวกที่สุด ประกอบกับกำแพงดินมีแม่น้ำยมไหลผ่าน)
ชีวิตในวัยเด็กนั้นลำบากมาก ต้องอาศัยยุ้งข้าวของชาวบ้านหลับนอน จึงมีคนนำมาฝากไว้ที่วัดกำแพงดินจนกระทั่งได้บรรพชาเป็นสามเณร และเมื่ออายุครบบวช จึงทำการอุปสมบทที่วัดกำแพงดิน (วัดพลับ) เมื่อปี พ.ศ.2442 มีฉายาว่า "พรหมปัญญา" โดยมีพระครูชุมแสงสงคราม อุดมเขต (อู่) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดดิษฐ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์สว่าง เป็นพระอนุศาสนาจารย์ หลังจากจำพรรษาอยู่ที่วัดกำแพงดินอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์เพื่อศึกษาหาความรู้ โดยศึกษาพระธรรมและวิทยาคมจากเกจิอาจารย์หลายท่านด้วยกัน จนมีความรู้แตกฉานทั้งด้านพระธรรมและวิทยาคม ต่อมาได้มาจำพรรษาที่วัดพันเสา อำเภอบางระกำ 1 พรรษา หลังจากนั้นจึงมาอยู่ที่วัดปลักแรดตลอดเรื่อยมา
ในขณะที่อยู่วัดปลักแรดนั้น ประชาชนทั่วไปเรียกท่านว่า "หลวงพ่อทรัพย์ พรหมปัญญา" ท่านได้ก่อสร้างและบูรณะถาวรวัตถุภายในวัด จนวัดปลักแรดมีความเจริญทางด้านถาวรวัตถุ นอกจากนั้นท่านยังเผยแพร่พระธรรมตามที่ได้ศึกษามาแก่ประชาชน ทำให้ประชาชนชาวปลักแรดมีธรรมะอยู่ในจิตใจ จึงเป็นที่รักใคร่ของประชาชนชาวปลักแรด ความศรัทธาในองค์หลวงพ่อทรัพย์ พรหมปัญญา ได้แผ่กระจายไปทั่ว ทำให้ประชาชนในอำเภอบางระกำ อำเภอใกล้เคียง และจังหวัดใกล้เคียงรู้ถึงความเมตตา และวิทยาคมของท่าน ต่างพากันมากราบนมัสการท่านตลอดมา
จนกระทั่งในปี พ.ศ.2500 ประชาชนชาวปลักแรดซึ่งเป็นศิษย์ของท่านและผู้อุปถัมภ์ท่าน ได้ร่วมใจกันสร้างรูปหล่อท่านเท่าองค์จริงขึ้น โดยจ้างช่างมาปั้นหุ่นขี้ผึ้งรูปหล่อ แล้วนำรูปหล่อของท่านมาไว้ที่กุฏิเพื่อให้ประชาชนเคารพบูชา (รูปหล่อของท่านนั้น ท่านนั่งปลุกเสกเองตลอดไตรมาส 3 เดือน)
กาลเวลาล่วงเลยไป จนกระทั่งวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2509 หลวงพ่อทรัพย์ พรหมปัญญา อาพาธลงอย่างกระทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้เยียวยารักษาคือคุณหมออำนวย เจียมศรีพงษ์ จนถึงคืนวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2509 ก็มีเสียงบ่างเสียงชะนีร้องโหยหวนตลอดทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งขึ้นในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2509 ท่านจึงได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ ยังความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่งของชาวบ้านปลักแรดและชาวบ้านใกล้เคียง รวมศิริอายุของท่านได้ 88 ปี 67 พรรษา ในพิธีฌาปณกิจศพหลวงพ่อ ได้เกิดปรากฏการณ์เกิดขึ้นคือฝนได้ตกโปรยปรายลงมาเฉพาะบริเวณวัดเท่านั้น
อุปนิสัยของหลวงพ่อทรัพย์ พรหมปัญญา เป็นพระภิกษุที่เรียบง่าย พูดน้อย และขณะพูดท่านมักจะไม่ชอบมองหน้าใคร ท่านจะนั่งเงยหน้ามองเพดานตลอด จะอยู่ในกุฏิเป็นส่วนใหญ่ ถ้าพระลูกวัดรูปใดปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ท่านจะใช้คำพูดสอนเพียงไม่กี่คำ แต่ให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง และจะไม่สอนเลยทันที ท่านจะต้องดูโอกาสที่เห็นว่าเหมาะสมจึงจะสอน
วัตถุมงคลของหลวงพ่อทรัพย์ พรหมปัญญา ส่วนใหญ่จุดประสงค์ของหลวงพ่อที่จัดสร้าง ก็เพื่อต้องการมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญกับทางวัดในการจัดสร้างศาลาการเปรียญ และถาวรวัตถุภายในวัด วัตถุมงคลของหลวงพ่อที่สร้างในยุคแรก ได้แก่ ตะกรุด ต่อมาก็เป็นรูปถ่าย เหรียญ และรูปหล่อ ตามลำดับ เหรียญและรูปหล่อของหลวงพ่อ มีการจัดสร้างกันหลายรูปแบบหลายครั้ง